สร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ

เมื่อใช้แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันเป็นจำนวนมากขึ้น หรือเน้นเข้าถึงผู้ใช้โดยแสดงให้เห็นข้อความทั้งหมดที่ต้องการสื่อสาร ใบทความนี้จะอธิบายวิธีสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับเป้าหมายการเข้าถึงของคุณ


ก่อนเริ่มต้น

เมื่อสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ คุณสามารถเลือกวิธีที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบโฆษณาที่ใช้ได้

  • "การเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ" ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันได้มากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงโดยใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ โฆษณาในฟีด และโฆษณา Shorts ในแคมเปญเดียวกัน
  • "การเข้าถึงแบบข้ามไม่ได้" ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยแสดงให้เห็นข้อความทั้งหมดที่ต้องการสื่อสารโดยใช้บัมเปอร์และโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
  • "ความถี่เป้าหมายที่ต้องการ" ช่วยให้คุณเข้าถึงบุคคลเดียวกันหลายครั้งโดยใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ หรือโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้

เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญระหว่างที่สร้าง

ขณะสร้างแคมเปญ คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนตามการตั้งค่าที่เลือก ซึ่งแจ้งให้คุณทราบถึงปัญหาที่อาจทําให้ประสิทธิภาพลดลงหรืออาจมีความร้ายแรงมากพอที่จะทําให้ไม่สามารถเผยแพร่แคมเปญได้

เมนูการนําทางสำหรับสร้างแคมเปญซึ่งปรากฏขึ้นขณะที่คุณสร้างแคมเปญแสดงภาพรวมของความคืบหน้าในการสร้าง และแสดงการแจ้งเตือนที่คุณอาจต้องจัดการ เลื่อนไปมาระหว่างขั้นตอนต่างๆ ในเมนูการนําทางเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการกําหนดเป้าหมาย การเสนอราคา งบประมาณ หรือการตั้งค่าแคมเปญอื่นๆ อย่างง่ายดาย ดูวิธีสร้างแคมเปญให้ประสบความสําเร็จ


วิธีการ

สร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอเพื่อการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ (โดยใช้โฆษณาบัมเปอร์, โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้, โฆษณาในฟีด, โฆษณา Shorts หรือผสมผสานรูปแบบโฆษณาเหล่านี้มากกว่า 1 รูปแบบที่ทำงานด้วยระบบ AI)

  1. ไปที่แคมเปญในเมนูแคมเปญ
  2. คลิกปุ่มบวก Add แล้วเลือกแคมเปญใหม่
  3. เลือกวัตถุประสงค์การรับรู้และการพิจารณา
  4. เลือกประเภทแคมเปญวิดีโอ
  5. เลือกวิธีที่ต้องการซื้อโฆษณาโดยเลือกการประมูลหรือการจอง
  6. เลือกประเภทย่อยของแคมเปญเป็นเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ
  7. สำหรับวิธีที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย ให้เลือกการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ
  8. คลิกต่อไป
  9. ป้อนชื่อแคมเปญ
  10. เลือกรูปแบบโฆษณาที่คุณต้องการให้แคมเปญแสดง เราแนะนำให้ใช้รูปแบบโฆษณาทั้ง 3 ประเภท เนื่องจากจะเพิ่ม Unique Reach ให้กับแคมเปญของคุณได้
    • หมายเหตุ: รูปแบบโฆษณาที่ใช้ได้ ได้แก่ โฆษณาในสตรีม (บัมเปอร์ ข้ามได้), โฆษณาในฟีด และโฆษณา Shorts คุณต้องเลือกรูปแบบโฆษณาอย่างน้อย 1 รูปแบบ เราแนะนำให้ใช้โฆษณาทั้ง 3 รูปแบบ เนื่องจากจะเพิ่ม Unique Reach ให้กับแคมเปญของคุณได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบโฆษณาวิดีโอ
  11. ป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ เช่น งบประมาณ สถานที่ตั้ง และภาษา
  12. (ไม่บังคับ) หากต้องการจำกัดจำนวนครั้งที่โฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้รายเดียวกัน ให้คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม แล้วคลิกความถี่สูงสุดในการแสดงผลหรือความถี่สูงสุดในการดูในส่วน “การกำหนดความถี่สูงสุด” เมื่อกำหนดความถี่สูงสุดในการแสดงผลหรือการดู ให้ป้อนจำนวนการแสดงผลหรือยอดดูสูงสุดที่คุณต้องการและกำหนดความถี่ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน
  13. ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณา
  14. (ไม่บังคับ) เลือกกลุ่มข้อมูลประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้กลุ่มโฆษณาเข้าถึง
  15. (ไม่บังคับ) เลือกคีย์เวิร์ด หัวข้อ และตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาแสดง
    • หมายเหตุ: เราไม่แนะนําให้กําหนดกลุ่มเป้าหมายและการกำหนดเป้าหมายตามเนื้อหาให้แคบลงในแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ เนื่องจากอาจจํากัดการเข้าถึง
  16. สร้างโฆษณาวิดีโอ:
    • วิดีโอ YouTube ของคุณ: ค้นหาวิดีโอที่คุณอัปโหลดหรือวาง URL ของวิดีโอจาก YouTube เมื่อคุณระบุ URL ของวิดีโอ Google Ads จะกำหนดรูปแบบโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติตามความยาวของวิดีโอสำหรับโฆษณาบัมเปอร์
    • URL สุดท้าย: ระบุ URL สุดท้าย ซึ่งเป็นหน้า Landing Page ที่ผู้ใช้เข้าชมเมื่อโต้ตอบกับโฆษณา
    • URL ที่แสดง: ระบุ URL ที่แสดงซึ่งเป็นที่อยู่เว็บไซต์ที่แสดงในโฆษณา (สูงสุด 255 อักขระ)
    • (ไม่บังคับ) คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action): ป้อนคำกระตุ้นให้ดำเนินการที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกโฆษณา (สูงสุด 10 อักขระ)
    • (ไม่บังคับ) บรรทัดแรกแบบสั้นที่มีคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action): ป้อนบรรทัดแรกที่มีคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (สูงสุด 15 อักขระ) หากต้องการ
    • บรรทัดแรกแบบยาว: เมื่อใช้โฆษณาแบบ Multi-Format คุณต้องป้อนบรรทัดแรกที่โปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 90 อักขระ)
    • คำอธิบาย: เมื่อใช้โฆษณาแบบ Multi-Format คุณต้องป้อนคำอธิบายที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 90 อักขระ)
  17. (ไม่บังคับ) คลิกตัวเลือก URL ของโฆษณา (ขั้นสูง) เพื่อเพิ่มเทมเพลตการติดตาม คำต่อท้าย URL สุดท้าย หรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเองให้กับ URL สุดท้าย
  18. เลือกรูปภาพที่ระบบสร้างโดยอัตโนมัติจากวิดีโอในช่อง YouTube (แนะนำ) หรือรูปภาพที่คุณอัปโหลดด้วยตนเองเป็นแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน ทั้งนี้แบนเนอร์ที่แสดงร่วมกันจะปรากฏในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
  19. ป้อนชื่อโฆษณา
  20. การเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ: คุณมีตัวเลือกในการใช้ฟีเจอร์การเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ ฟีเจอร์การเพิ่มประสิทธิภาพครีเอทีฟโฆษณานี้ใช้ AI ของ Google เพื่อสร้างวิดีโอเวอร์ชันอื่นๆ ให้คุณโดยอัตโนมัติในสัดส่วนภาพแนวตั้ง (9:16)
    ต้นฉบับ (16:9) แนวตั้ง (9:16)
    Corner Ad 16:9 Vertical Ad 9:16

    เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้จะช่วยให้องค์ประกอบหลักในวิดีโอต้นฉบับแสดงได้อย่างถูกต้องในวิดีโอที่ปรับปรุงใหม่ วิดีโอในเวอร์ชันเพิ่มเติมจะเล่นโดยอัตโนมัติหากผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ

    หมายเหตุ: ระบบจะเปิดการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอไว้โดยค่าเริ่มต้นสำหรับแคมเปญใหม่ หากต้องการเลือกไม่ใช้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมาย "ดูวิดีโอเวอร์ชันแนวตั้ง"
  21. หากต้องการสร้างโฆษณาอื่นในแคมเปญเดียวกัน ให้คลิกโฆษณาวิดีโอใหม่ในส่วนการสร้างโฆษณา
  22. กำหนดจำนวนการเสนอราคาด้วย CPM ที่ตั้งไว้

    เคล็ดลับ: ดูค่าประมาณการแสดงผลที่เป็นไปได้และประสิทธิภาพโดยประมาณในวิดเจ็ต "ค่าประมาณของแคมเปญ" ประสิทธิภาพโดยประมาณคือการผสมผสานกันระหว่างการกำหนดเป้าหมาย งบประมาณ และราคาเสนอ ซึ่งคุณสามารถปรับการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โปรดทราบว่าหากเสนอราคาต่ำเกินไป แคมเปญอาจทํางานได้ไม่ดีในการประมูลของ Google Ads และคุณอาจใช้งบประมาณที่ตั้งไว้ได้ไม่หมด ค่าประมาณจะแสดงต่อเมื่อคุณเพิ่มรูปแบบโฆษณาอย่างน้อย 1 รูปแบบในแคมเปญ

    นอกจากนี้ การกำหนดราคาเสนอที่ต่ำเกินไปเมื่อมีการเปิดใช้โฆษณาหลายรูปแบบอาจทำให้โฆษณาไม่แสดงในรูปแบบที่เลือกไว้ทั้งหมด

  23. คลิกสร้างแคมเปญ
    หมายเหตุ: คุณเพิ่มโฆษณาลงในแคมเปญได้หลังจากสร้างแล้ว หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้ไปที่หน้าโฆษณาใน Google Ads เลือกปุ่มบวก Add และเลือกโฆษณาวิดีโอ

สร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่มีโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้

  1. ไปที่แคมเปญในเมนูแคมเปญ
  2. คลิกปุ่มบวก Add แล้วเลือกแคมเปญใหม่
  3. เลือกวัตถุประสงค์การรับรู้และการพิจารณา
  4. เลือกการประมูลเป็นวิธีที่ต้องการซื้อโฆษณา
  5. เลือกการเข้าถึงในเป้าหมายการรับรู้และการพิจารณา
  6. เลือกประเภทแคมเปญวิดีโอ
  7. เลือกประเภทย่อยของแคมเปญเป็นการเข้าถึงแบบข้ามไม่ได้
  8. คลิกต่อไป
  9. ป้อนชื่อแคมเปญ
  10. เลือกรูปแบบโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้ที่ต้องการใช้ คุณใช้โฆษณาความยาวไม่เกิน 15 วินาที หรือใช้โฆษณาบัมเปอร์ (6 วินาที) ร่วมกับโฆษณาความยาวไม่เกิน 15 วินาทีเพื่อเพิ่มการเข้าถึงจากงบประมาณที่ตั้งไว้ได้ (ตอนนี้อยู่ในรุ่นเบต้า)
  11. ป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ เช่น งบประมาณ สถานที่ตั้ง และภาษา
  12. (ไม่บังคับ) หากต้องการจำกัดจำนวนครั้งที่โฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้รายเดียวกัน ให้คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม แล้วคลิกความถี่สูงสุดในการแสดงผลหรือความถี่สูงสุดในการดูในส่วน "การกําหนดความถี่สูงสุด" เมื่อกำหนดความถี่สูงสุดในการแสดงผลหรือการดู ให้ป้อนจำนวนการแสดงผลหรือยอดดูสูงสุดที่คุณต้องการและกำหนดความถี่ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน
  13. (ไม่บังคับ) หากต้องการเพิ่มฟีดผลิตภัณฑ์ลงในแคมเปญ ให้ขยายแผง "ฟีดผลิตภัณฑ์" แล้วคลิกช่องทำเครื่องหมาย
  14. ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณา
  15. (ไม่บังคับ) เลือกกลุ่มข้อมูลประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้กลุ่มโฆษณาเข้าถึง
  16. (ไม่บังคับ) เลือกคีย์เวิร์ด หัวข้อ และตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาแสดง
    • หมายเหตุ: เราไม่แนะนําให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายและการกำหนดเป้าหมายตามเนื้อหาให้แคบลงในแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ เนื่องจากอาจจํากัดการเข้าถึง
  17. สร้างโฆษณาวิดีโอ:
    • วิดีโอ YouTube ของคุณ: ค้นหาวิดีโอที่คุณอัปโหลดหรือวาง URL ของวิดีโอจาก YouTube เมื่อคุณระบุ URL ของวิดีโอ Google Ads จะกำหนดรูปแบบโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติตามความยาวของวิดีโอ

      เคล็ดลับ: วิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 6 วินาทีจะแสดงเป็นบัมเปอร์ ส่วนวิดีโอที่มีความยาว 7-15 วินาทีจะแสดงเป็นโฆษณาความยาว 15 วินาที หากเลือก 15 วินาทีในแผงรูปแบบโฆษณา (ในขั้นตอนที่ 10) คุณจะใช้ได้เฉพาะวิดีโอที่มีระยะเวลา 7-15 วินาที หากเลือกบัมเปอร์และ 15 วินาที (เบต้า) ในแผงรูปแบบโฆษณา คุณจะอัปโหลดวิดีโอได้สูงสุด 5 รายการ

      เราแนะนำให้ใช้โฆษณาบัมเปอร์และโฆษณาความยาว 15 วินาทีควบคู่กันเพื่อให้เข้าถึงได้มากขึ้นตามงบประมาณที่ตั้งไว้

    • URL สุดท้าย: ระบุ URL สุดท้าย ซึ่งเป็นหน้า Landing Page ที่ผู้ใช้เข้าชมเมื่อโต้ตอบกับโฆษณา
    • URL ที่แสดง: ระบุ URL ที่แสดงซึ่งเป็นที่อยู่เว็บไซต์ที่แสดงในโฆษณา (สูงสุด 255 อักขระ)
    • คํากระตุ้นการตัดสินใจ: ป้อนคํากระตุ้นการตัดสินใจที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกโฆษณา (สูงสุด 10 อักขระ)
    • บรรทัดแรก: ป้อนบรรทัดแรกที่โปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 15 อักขระ)
  18. (ไม่บังคับ) คลิกตัวเลือก URL ของโฆษณา (ขั้นสูง) เพื่อเพิ่มเทมเพลตการติดตาม คำต่อท้าย URL สุดท้าย หรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเองให้กับ URL สุดท้าย
  19. เลือกรูปภาพที่ระบบสร้างโดยอัตโนมัติจากวิดีโอในช่อง YouTube (แนะนำ) หรือรูปภาพที่คุณอัปโหลดด้วยตนเองเป็นแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน ทั้งนี้แบนเนอร์ที่แสดงร่วมกันจะปรากฏในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
  20. ป้อนชื่อโฆษณา
  21. หากต้องการสร้างโฆษณาอื่นในแคมเปญเดียวกัน ให้คลิกโฆษณาวิดีโอใหม่ในส่วนการสร้างโฆษณา
  22. กำหนดจำนวนการเสนอราคาด้วย CPM ที่ตั้งไว้

    เคล็ดลับ: ดูค่าประมาณการแสดงผลที่เป็นไปได้และประสิทธิภาพโดยประมาณในวิดเจ็ต "ค่าประมาณของแคมเปญ" ประสิทธิภาพโดยประมาณคือการผสมผสานกันระหว่างการกำหนดเป้าหมาย งบประมาณ และราคาเสนอ ซึ่งคุณสามารถปรับการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โปรดทราบว่าหากเสนอราคาต่ำเกินไป แคมเปญอาจทํางานได้ไม่ดีในการประมูลของ Google Ads และคุณอาจใช้งบประมาณที่ตั้งไว้ได้ไม่หมด ค่าประมาณจะแสดงต่อเมื่อคุณเพิ่มรูปแบบโฆษณาอย่างน้อย 1 รูปแบบในแคมเปญ

    นอกจากนี้ การกำหนดราคาเสนอที่ต่ำเกินไปเมื่อมีการเปิดใช้โฆษณาหลายรูปแบบอาจทำให้โฆษณาไม่แสดงในรูปแบบที่เลือกไว้ทั้งหมด

  23. คลิกสร้างแคมเปญ
เคล็ดลับ: คุณเพิ่มโฆษณาลงในแคมเปญได้หลังจากสร้างแล้ว หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้ไปที่หน้าโฆษณาใน Google Ads เลือกปุ่มบวก Add และเลือกโฆษณาวิดีโอ เมื่อเลือก "โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้" คุณสามารถเพิ่มได้เฉพาะโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้ลงในแคมเปญเท่านั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอซึ่งมีความถี่เป้าหมายที่ต้องการเพื่อเข้าถึงผู้ใช้รายเดียวกันหลายครั้ง


ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
2963066890649411229
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false
false
false